Pre-degree กศน. คณะบริหารธุรกิจ คนเก่ง บัณฑิตจบใหม่

2 บัณฑิตเก่ง หัวใจสู้ พิการร่างกาย แต่ไม่เคยท้อ มุ่งมั่นคว้าใบปริญญาบัตรได้สำเร็จ

Home / วาไรตี้ / 2 บัณฑิตเก่ง หัวใจสู้ พิการร่างกาย แต่ไม่เคยท้อ มุ่งมั่นคว้าใบปริญญาบัตรได้สำเร็จ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับ 2 บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีปัญหาด้านร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เหมือนคนปกติทั่วไป และป่วยเป็นโรคที่ต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา แต่พวากเขาก็ไม่ปล่อยให้อุปสรรคเหล่านั้นมาทำลายความฝันของเขาได้ พร้อมเดินหน้าลุยทำตามความฝันให้สำเร็จ

2 บัณฑิตเก่ง หัวใจสู้ พิการร่างกาย แต่ไม่เคยท้อ

หลังจากที่เพจเฟซบุ๊ก PR Ramkhamhaeng University ได้โพตส์ภาพสุดน่ารักแสนอบอุ่นของ 2 บัณฑิตเก่งที่มีความพิการทางร่างกาย แต่ก็เรียนจบปริญญาตรีในคณะ/สาขาวิชาที่ฝันเอาไว้ได้สำเร็จ โดยจะเข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจริงในระหว่างวันที่ 18-21 มีนาคม พ.ศ. 2562 นี้ ดังนั้นในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ จะพาทุกคนมารู้กับ 2 บัณฑิตเก่งกันค่ะ และเราเชื่อเลยว่าหากใครที่กำลังรู้สึกท้อหรือหมดหวังอยู่ได้มาอ่านบทความนี้จะต้องทำให้มีแรงกำลังใจลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้งแน่นอน…

นางสาวสุธาสินี ชื่นยะปลอก บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นางสาวสุธาสินี ชื่นยะปลอก

บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ปลื้มปิติว่า ถึงแม้ว่าเธอจะมีความพิการทางการเคลื่อนไหว มีอาการเกร็ง และพูดไม่ชัดเวลาที่ตั้งใจจะทำสิ่งต่าง ๆ แต่เธอก็พยายามที่จะช่วยเหลือตัวเองให้ได้เกือบเท่าคนปกติทั่วไป และไม่เคยมองว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรคเลย โดยในปัจจุบันเธอประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างชั่วคราว (ลูกจ้างคนพิการ) ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระสัญญาจ้าง บริษัท ซูซูโย จำกัด และกำลังสมัครเรียนต่อในระดับปริญญาโท

นอกจากนี้ เธอได้เล่าต่ออีกว่า ตอนที่เรียนอยู่นั้นเครียดมากที่ต้องเรียน 2 แห่งควบคู่กันไป เพราะกลัวอ่านหนังสือไม่ทัน อีกทั้งกาเรียน กศน. ก็ต้องทำรายงานส่งเพื่อเก็บคะแนนตลอด และบางช่วงก็ยังมีสอบที่ตรงกันอีกด้วย แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากทางอาจารย์ที่ กศน. เป็นอย่างดีให้สามารถตามไปสอบที่หลังได้

เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมปลายแล้ว ก็ได้นำผลการเรียนไปเทียบโอนเรียนในภาคปกติของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้เธอมีเวลาในการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ ช่วยลดความกดดันในตัวเองไปได้มากและทำให้ผลสอบเป็นที่น่าพอใจทั้งตนเองและครอบครัว

เธอรู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ๆ ที่สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตจากรั้วรามคำแหง เพราะบอกกับตัวเองเสมอว่าไม่ว่าจะยากแค่ไหนจะต้องเอาใบปริญญามาให้พ่อกับแม่ให้ได้ คนทุกคนไม่ได้มีความสามารถเท่ากัน หรือจะเรียกว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในทุกเรื่อง แต่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสเท่ากันในการพัฒนาความสามารถของตนเอง และเมื่อได้รับโอกาสนั้นแล้วก็จงใช้มันอย่างคุ้มค่า แล้วความสำเร็จที่รอคอยก็จะได้รับมาอย่างแน่นอน

ความไม่สมประกอบของร่างกาย ไม่เคยเป็นอุปสรรค์ในการเรียนรู้ และยังเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปข้างหน้าและสำเร็จเช่นเดียวกับคนปกติทั่วไป คอยบอกตัวเองว่าท้อได้ เหนื่อยได้ แต่ต้องไม่ยอมแพ้ สู้เพื่ออนาคตของตัวเองและคนที่เรารัก ที่เขารอคอยความสำเร็จของเรา”

นางสาวสิริมา จิรเจริญเวศน์ บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

นางสาวสิริมา จิรเจริญเวศน์ (น้องฉิง)

บัณฑิตคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสงขลา ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกจนต้องตัดขาขวา กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้ามีความพยายาม คำนี้ยังคงก้องกังวาลอยู่ในใจ ช่วยสร้างกำลังใจจนสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตจากรั้วรามคำแหง

เมื่อย้อนกลับไปในช่วงจบการศึกษาระดับชั้น ม.3 เข้าศึกษาต่อระดับชั้น ม.4 โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย 2 ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกจนต้องออกจากการเรียนมารักษาตัวเป็นเวลา 1 ปี และจากอาการป่วยในครั้งนั้นทำให้ตนเองต้องตัดขาดขาขวากลายเป็นผู้พิการ และต้องใส่ขาเทียมช่วยเหลือในการเคลื่อนไหว

หลังจากอาการป่วยดีขึ้นก็ได้กลับมาสมัครเรียน กศน. พร้อมลงเรียนหลักสูตร Pre-degree ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง จ.สงขลา เมื่อเรียนจบ ม.ปลาย ก็ได้เทียบโอน 72 หน่วยกิต เข้าเรียนต่อในภาคปกติของมหาวิทยาลัย

น้องฉิง ได้กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าแรก ๆ รึกสึกท้อ หมดกำลังใจ แต่ไม่โทษโชคชะตาที่ทำให้ตนเองต้องประสบกับเรื่องเช่นนี้และได้กำลังใจที่ดีจากครอบครัว “สู้ไปด้วยกัน เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็ดีขึ้น เทคโนโลยีทางการแพทย์ทันสมัยมากขึ้น เราต้องกลับมาแข็งแรงได้อย่างคนปกติ”

และในปัจจุบันได้หายจากการเป็นมะเร็งกระดูกแล้ว ถึงแม้จะต้องเสียขาขวาไป แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อ ดีใจและภาคภูมิใจมากที่สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตจากรั้วรามคำแหง และมุ่งมั่นจะศึกษาหาความรู้ สร้างความชำนาญในด้านภาษาต่างประเทศต่อไป

น้องฉิง ยังกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า “อยากประสบความสำเร็จก็ต้องขยันหมั่นเพียร เชื่อมั่นว่าเราต้องเรียนได้ สำเร็จได้ เมื่อท้อก็พัก และกลับมามุ่งมั่นใหม่ วันแห่งความปลื้มปิติของตนเองที่ได้สวมครุยและเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจะมาถึงอย่างแน่นอน”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก FB : PR Ramkhamhaeng University

บทความที่น่าสนใจ