เป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์ที่ซานฟรานซิสโก เกี่ยวกับเรื่องราวของ “นายจิรายุทธ ลัทธิวงศกร” หรือ “นิว” หนุ่มไทยวัย 29 ปี เรียนจบแพทยศาสตร์จาก ยูซีเอสเอฟ เมดิเคิลสกูล ได้ในขณะที่ยังอยู่ในสถานภาพโรบินฮู้ด ถือเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ 155 ปี ของทางมหาลัยที่มีบัณฑิตเป็นโรบินฮูด ประเด็นนี้หลาย ๆ คนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเขาถึงเรียนจบได้ทั้งที่ยังอยู่ในสถานะ “โรบินฮูด”
หนุ่มไทยเรียนจบแพทยศาสตร์ ยูซีเอสเอฟ ทั้งที่อยู่ในสถานภาพ “โรบินฮูด”
เว็บไซต์ SiamTownUS ที่รายงานข่าวคนไทยในอเมริกา ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับนาย “นายจิรายุทธ ลัทธิวงศกร” หรือ “นิว” หนุ่มไทยวัย 29 ปี เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 62 ที่ผ่านมา เนื่องมาจากเขาเข้าพิธีรับปริญญาเมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา จากสถาบัน ยูซีเอสเอฟ เมดิเคิลสกูล ซึ่งเขาเรียนจบแพทยศาสตร์ ได้สำเร็จทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในสถานภาพโรบินฮู้ด (โรบินฮูด คือ คนที่เข้าไปในต่างประเทศมีวีซ่าแต่อยู่เกินกำหนดและไม่ได้ต่อวีซ่า)
ต่างประเทศรายงานข่าวว่าเขาเป็นหนุ่มไทยที่กำลังเป็น ‘ว่าที่คุณหมอ’ คนแรกในประวัติศาสตร์ 155 ปี ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยยูซีเอสเอฟ เมดิเคิล สกูล ทั้งที่อยู่ในสถานภาพ ‘โรบินฮูด’ และก่อนหน้านี้เขาก็เคยเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงอย่าง มหาลัย ยูซี เบิร์คเลย์ (University of California, Berkeley) และ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) อีกทั้งยังเคยเป็น หนึ่งใน 30 คนหนุ่มสาว (อายุต่ำกว่า 30 ปี) ที่นิตยสารฟอร์บส์ยกย่องประจำปี 2017 ที่เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรช่วยเหลือผู้อพยพ
คำถามคือเขาสามารถเรียนจบได้อย่างไร ทั้งที่สถานภาพคือ “โรบินฮูด”
ตามรายงานข่าวเผยว่า นายจิรายุทธ เป็นหนึ่งในโรบินฮูดคนไทยที่มีอยู่มากมายในสหรัฐอเมริกา ที่เข้ามาอยู่แบบ ‘เกินวีซ่านักท่องเที่ยว’ หรือเรียกว่า โรบินฮูด สำหรับนายจิรายุทธเขามาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยได้มาพร้อมกับ นายกำพล และนางยุวดี ลัทธิวงศกร พ่อและแม่ของเขา ในตอนนั้นได้ไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนียภาคเหนือ
– สำหรับด้านการเรียนที่หลายคนสงสัยว่าในเมื่อเขาอยู่ในสถานะที่อยู่เกินวีซ่าแล้วทำไมถึงยังเรียนจบได้? –
เขาได้เลือกเรียนแพทย์ที่ ยูซีเอสเอฟ เมดิเคิลสกูล ภายใต้โปรแกรมชื่อ Medical Education for the Urban Underserved (แพทย์ศาสตร์สำหรับนักศึกษาด้อยโอกาส) ซึ่งเป็นโครงการของยูซี ซานฟรานฯ ที่เน้นให้โอกาสทางการศึกษากับชุมชนผู้อพยพเป็นหลัก นอกจากนี้หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาจะเข้ารับการฝึก (residency training) สาขาการแพทย์สำหรับครอบครัวและชุมชน ที่โรงพยาบาล ซัคเกอร์เบิร์ค ซานฟรานซิสโก เจนเนอรัล ฮอสปิตอล ในเดือน มิ.ย.นี้ ด้วย
บริการสาธารณสุขของสหรัฐฯ ยกย่องเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทำงานดี
ก่อนที่จะจบแพทย์ จาก ยูซีเอสเอฟ เมดิเคิลสกูล ก่อนหน้า นายจิรายุทธ ได้เรียนปริญญาตรีอยู่ที่ยูซีเบิร์คเลย์ ระหว่างนั้นได้ทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของกลุ่มอิมมิแกรนท์, ร่วมก่อตั้งองค์กรไม่หวังผลกำไรชื่อ Pre-Health Dreamers (PHD), ทำงานช่วยเหลือกลุ่ม “ดรีมเมอร์” คนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในสายการแพทย์และสาธารณสุขศาสตร์ และทำงานในลักษณะเป็นล็อบบี้ยิสต์กับนักการเมืองระดับรัฐ และระดับประเทศด้วย
ในการทำงานอย่างจริงจังของเขายังทำให้ สำนักงานบริการสาธารณสุขของสหรัฐฯ (the U.S. Public Health Service) ประกาศเกียรติคุณ ยกย่องว่าเขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ทำงานในแนวเดียวกับองค์กร นั่นคือ “ปกป้อง ส่งเสริม และเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และความปลอดภัยให้กับประเทศอเมริกา” ขณะเดียวกัน ผลงานของเขาก็ได้รับการยอมรับจากนิตยสารฟอร์บส์ ที่ยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน 30 คนหนุ่มสาวที่น่ายกย่อง (30 Under 30) ประจำปี 2017 ด้วย
นอกเหนือจากเป็นผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร PHD แล้ว นายจิรายุทธ ยังมีชื่ออยู่ในสภาที่ปรึกษา (President’s Advisory Council) ด้านการดูแลนักศึกษาที่มีเอกสารไม่ครบถ้วน ของ เจเน็ท นาโปลิทาโน่ ประธานมหาวิทยาลัยของรัฐแคลิฟอร์เนีย, เป็นคณะกรรมการบริหารขององค์กร Asian Health Services งานช่วยเหลือด้านสุขภาพให้กับชาวเอเชียและหมู่เกาะในย่านเบย์แอเรีย
“เพราะเราไม่รู้ ไม่เคยมีใครบอกเรื่องสวัสดิการ หรืออื่นๆ ที่เรามีสิทธิ์ขอรับ แม้ว่าจะอยู่แบบไม่ถูกต้องก็ตาม”
นายจิรายุทธ เคยเล่าว่า เขาออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้อพยพอย่างจริงจัง เพราะมี “แรงขับ” มาจากประสบการณ์ตรงที่ครอบครัวของตนเองเคยประสบสมัยมาถึงอเมริกาใหม่ ๆ ที่พ่อแม่ต้องทำงานหนักในร้านอาหาร เพื่อเลี้ยงดูเขาและพี่ ๆ โดยไม่มีระบบประกันสุขภาพใด ๆ มารองรับ ทำให้ตนเองและพี่ๆ ไม่เคยได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี หรือครอบครัวต้องวุ่นวายเมื่อมีใครล้มป่วย
“เพราะเราไม่รู้ ไม่เคยมีใครบอกเรื่องสวัสดิการ หรืออื่นๆ ที่เรามีสิทธิ์ขอรับ แม้ว่าจะอยู่แบบไม่ถูกต้องก็ตาม”
– –
อย่างไรก็ตาม สถานะ โรบินฮูด นั้นถือว่าผิดกฎหมาย เพราะหมายถึงว่าเป็นคนที่เข้าไปในต่างประเทศแต่อยู่เกินกำหนดและไม่ได้ต่อวีซ่า จึงมีหลายคนที่มองว่าการกระทำของชายหนุ่มคนดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ที่มาจาก: siamtownus, ภาพจาก: New Latthivongskorn
บทความแนะนำ
