QS การจัดอันดับ นักศึกษาต่างชาติ มหาวิทยาลัย เมืองน่าเรียน เรียนต่อต่างประเทศ

10 อันดับ เมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุด สำหรับนักศึกษาต่างชาติ จัดอันดับโดย QS

Home / วาไรตี้ / 10 อันดับ เมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุด สำหรับนักศึกษาต่างชาติ จัดอันดับโดย QS

การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ นอกจากที่เราจะต้องเตรียมตัว เตรียมเอกสาร และเลือกมหาวิทยาลัยที่เน้นในสาขาวิชาที่เราต้องการแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การเลือกเมืองหรือประเทศในการไปเรียนต่อให้ตรงต่อความต้องการของเรามากที่สุด และยังรวมถึงเรื่องความปลอดภัย มีค่าครองชีพที่ไม่แพงมากอีกด้วย

10 อันดับ เมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุด by QS

ล่าสุด!! สถาบันการจัดอันดับ Quacquarelli Symonds หรือ QS จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ทำการจัดอันดับเมืองที่เหมาะสมกับการไปเรียนต่อมากที่สุดในโลกสำหรับนักศึกษาต่างชาติ ประจำปี 2017  (QS Best Student Cities 2017) ซึ่งได้ทำการสำรวจจากนักศึกษาและผู้ที่สำเร็จการศึกษาในแต่ละเมืองทั่วโลก โดยได้ผลการสำรวจออกมาดังนี้…

10. แวนคูเวอร์ (Vancouver)

10. แวนคูเวอร์ (Vancouver)

เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย 2 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับใน QS World University ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับภูเขา Grouse, Seymour และ Cypress จึงทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเมืองแห่งสวรรค์ที่มีธรรมชาติสวยงาม น่าไปเรียนต่อมากที่สุดมาเป็นอันดับที่ 10 นั่นเอง

9. มิวนิก (Munich)

9. มิวนิก (Munich)

เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ด้วยการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของเมืองนี้ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันสวยงามและความสมบูรณ์ มั่งคั่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่นักศึกษาต่างชาตินิยมเดินทางมาเรียนต่อที่เมืองแห่งนี้กันมากขึ้นในทุกปี และจากการจัดอันดับ QS Best Student Cities ปี 2017 เมืองมิวนิกก็ได้อยู่ในอันดับที่ 10 (โดยในการจัดอันดับครั้งล่าสุดได้ขยับขึ้นมา 1 อันดับ) โดยที่เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศเยอรมนี เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มาเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

8. บอสตัน (Boston) 

8. บอสตัน (Boston)

เมืองบอสตัน เมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในศูนย์การศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมายที่ตั้งอยู่ที่นี่ เช่น Massachusetts Institute of Technology, Harvard University และ Boston University เป็นต้น

7.  โตเกียว (Tokyo)

7.  โตเกียว (Tokyo)

โตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่นักศึกษาต่างชาตินิยมไปศึกษาต่อมากที่สุดในทวีปเอเชีย (รองจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้) ซึ่งเรียกได้ว่าโตเกียวเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่นมากกว่าการอาศัยอยู่ใน “student bubble” เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

6. เมืองเบอร์ลิน (Berlin)

6. เมืองเบอร์ลิน (Berlin)

เมืองเบอร์ลิน เป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเรื่องการศึกษาหรือเรียนต่อต่างประเทศ พร้อมทั้งยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลาย ทั้งเป็นศูนย์กลางการออกแบบ แฟชั่น ดนตรี ศิลปะ นอกจากนี้ยังผสมผสานอย่างลงตัวกับประวัติศาสตร์ จึงทำให้นักศึกษานิยมไปเรียนต่อที่เมืองแห่งนี้กันมากที่สุดอีกหนึ่งเมือง

5. เมลเบิร์น (Melbourne)

5. เมลเบิร์น (Melbourne)

เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักศึกษาต่างชาติ และยังเป็นสถานที่ตั้งของชุมชนนักศึกษาที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก พร้อมทั้งมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้จำนวน 7 แห่งยังได้รับการจัดอันดับจาก QS ในหัวข้อ QS World University 2016-2017 อีกด้วย

4. โซล (Seoul)

4. โซล (Seoul)

กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ สำหรับมหาวิทยาลัยในกรุงโซลได้รับการยอมรับไปทั่วโลกว่ามีคุณภาพในการเรียนการสอนที่ดีเยี่ยมและยังได้รับการยกย่องจากนายจ้างทั้งในประเทศและนอกประเทศอีกด้วยว่า ได้ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในกรุงโซลจำนวน 18 แห่งได้รับการจัดอันดับจาก QS ในหัวข้อ QS World University 2016-2017 อีกด้วย

3. ลอนดอน (London)

3. ลอนดอน (London)

เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถึงแม้ว่าลอนดอนจะเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับนักศึกษาต่างชาติ แต่ด้วยค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้นักศึกษาหลายๆ คนต้องเปลี่ยนไปเรียนต่อในเมืองหรือประเทศที่มีค่าครองชีพและค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช้สำหรับนักศึกษาทั้งหมดที่จะไม่เลือกมาเรียนต่อที่นี่ เพราะด้วยเรื่องประวัติศาสตร์และการศึกษาที่ล้ำสมัยของลอนดอน ก็ทำให้นักศึกษาที่ตัดสินใจมากเรียนต่อได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จะต้องเสียไป

2. ปารีส (Paris)

2. ปารีส (Paris)

ไม่น่าแปลกเลยที่เมืองอันเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจะมาติดอยู่ในอันดับต้นๆ ในการจัดอันดับครั้งนี้ โดยที่เมืองปารีสเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ได้รับการจัดอันดับ QS World University ถึง 18 แห่งด้วยกัน ถึงแม้ว่าปารีสจะมีเสียงลือกันว่ามีค่าครองชีพที่ค่อนข้าสูง แต่สำหรับค่าเล่าเรียนนั้นกลับถูกกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว 

1. มอนทรีออล (Montréal)

1. มอนทรีออล (Montréal)

เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาที่ได้รับการจัดอยู่ในอันดับสูงๆ มากมาย รวมทั้ง McGill University (ปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 30 ของโลกและอันดับ 1 ในประเทศแคนาดา) นอกจากนี้เมืองมอนทรีออลยังเป็นเมืองที่นักศึกษาต่างลงความเห็นว่าเหมาะแก่การอาศัยอยู่ที่สุด เพราะเต็มไปด้วยความหลากหลายของศิลปะและวัฒนธรรม ความเป็นมิตรของผู้คน และยังรวมถึงเรื่องค่าครองชีพที่ค่อนข้างถูกอีกด้วย

ข้อมูลและภาพ : www.topuniversities.comwww.scholarship.in.thhttps://montreal.eater.com,
www.telegraph.co.ukhttps://london.newplacestobe.comwww.lonelyplanet.com,
www.telegraph.co.ukhttp://s.telegraph.co.ukwww.visittheusa.comwww.getyourguide.com,
https://oneclass.com

บทความที่น่าสนใจ