“ภูวเดช ศิรถิรกุล” MCT Star นักศึกษาดาวเด่น คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) พระนคร เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถด้านข้อมูลฟุตบอล และตามฝันของตัวเองจนเจอ จนทำให้วันนี้กลายเป็น คอลัมนิสต์กีฬาลูกหนังสื่อสิ่งพิมพ์ค่ายสยามกีฬา เจ้าของนามปากกาว่า “ปราก ลิเบอโร่”
เดินตามฝันสู่คอลัมนิสต์ กีฬาลูกหนัง
การก้าวสู่คอลัมน์นิสต์กีฬาลูกหนัง
สวัสดีครับ นายภูวเดช ศิรถิรกุล นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ผมเรียนควบคู่กับทำงานไปด้วย นั่นก็คือ การเป็นคอลัมนิสต์กีฬาลูกหนัง แห่งค่ายสยามกีฬา (Siamsport) ในนามปากกาว่า “ปราก ลิเบอโร่” ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกองบรรณาธิการของนิตยสาร ในเครือบริษัทอยู่ 2 เล่ม คือ บิ๊ก 4 ลีกยุโรป และ พรีเมียร์ลีก รายเดือน
โดยจุดเริ่มต้น ของการได้รับโอกาสอันมีค่าในการเข้ามาทำงานที่สยามกีฬา ตอนอายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ช่วงนั้นมีความตั้งใจจะค้นหาตัวเอง ได้ลองผิดลองถูกมากมายหลายอย่างทั้งการเป็นนักมวยปล้ำ นักฟุตบอล นักโบราณคดี ผู้กำกับภาพยนตร์ และสุดท้ายการเป็นนักข่าวกีฬา จนกระทั่งอายุ 18 ปี จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวสถาบันสื่อกีฬาแห่งนี้ และคนที่ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ฝีมือตัวเองอย่างแท้จริง ก็คือ “คุณเฉียบ” โอฬาร เชื้อบาง บรรณาธิการใหญ่แห่งสยามสปอร์ต
สไตล์การทำงาน ทุกคอนเทนต์ที่ทำเป็นเรื่องราว วงการลูกหนังย้อนยุค
แรงบันดาลใจในการทำงาน สำหรับผมยึด ลุงโย่ง “ย.โย่ง” เอกชัย นพจินดา คัมภีร์ลูกหนังผู้ล่วงลับ ผู้เป็นตำนานนักข่าวกีฬา ผู้ประกาศข่าวกีฬา (ช่อง 7 สี) และนักพากย์ฟุตบอลสุดยอดของเมืองไทย เป็นฮีโร่ที่เปรียบดุจดั่งธงนำพาชีวิตมาโดยตลอด
เวลาที่รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ หรือเจอกับปัญหาชีวิต จะนึกถึงลุงโย่งตลอด ซึ่งทำให้ผมกลับมาลุกขึ้นสู้ได้เสมอ เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่อยากให้ผมเป็นคนที่อยากทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม เพื่อเพื่อนมนุษย์ เพื่อคนที่ด้อยโอกาส รวมไปถึงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยยกระดับวงการสื่อกีฬาไทย และวงการกีฬาไทยให้ยิ่งใหญ่ต่อไปได้ในวันข้างหน้า และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ กำลังใจอันมีค่าจากคนที่บ้าน เพื่อนฝูง ครูบาอาจารย์ และแฟน ๆ ทุกคน ที่คอยสนับสนุน ถ้าไม่มีกำลังใจดี ๆ และความรักดี ๆ ผมก็คงไม่มีวันนี้ได้เช่นกัน
ความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ
ผมภูมิใจในผลงานทุกชิ้น เพราะล้วนแล้วแต่เป็นความสำเร็จที่ทำให้มีวันนี้ได้ แต่ถ้าให้เลือก คงเลือกงานที่เขียนให้สยามสปอร์ตชิ้นล่าสุดในนิตยสารพรีเมียร์ลีก รายเดือน ฉบับที่ 9 เดือนสิงหาคม 65 ที่ผ่านมา คือ เรื่อง “คริส ว้อดเดิ้ล ปีกเจ้าลีลา จอมเวทมหากาฬ” เขาเป็นนักเตะปีกขวาที่สุดยอดมากครับในยุคปลาย 80 ถึงต้นยุค 90
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องเขียนเรื่องแรกในชีวิตที่ผมเขียนแล้ว “ร้องไห้” เพราะว่าเรื่องนี้ มีเรื่องของความเป็นครอบครัว การต่อสู้กับชีวิตจากดินไปสู่ดวงดาว ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตคนเราทุกชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักจะมองพวกเขาเหล่านี้ในแง่ความสำเร็จ แต่ไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังชีวิตว่ากว่าจะมาถึง ณ จุด ๆ นี้ เขาต้องผ่านความผิดหวัง ความล้มเหลว ผ่านคราบน้ำตาทุกหยด
และสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผม คือ ทุกเรื่องที่เขียนต้องเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากที่สุด คือ นอกจากคุณจะซื้อหนังสือในเครือของเรากลับไปอ่านที่บ้านแล้ว ผมอยากให้ทุกคนได้รับความคุ้มค่าและแง่คิดจากเรื่องที่ผมเขียนมากที่สุด ถ้าเรื่องที่เขียนทุกเรื่อง สามารถทำให้ใครบางคน มีแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับความฝันและชีวิตตัวเอง ผมในฐานะนักเขียนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง รู้สึกว่าชีวิตนี้ก็คุ้มค่ามากพอแล้วกับการได้เกิดมาบนโลกใบนี้
ฝากถึงผู้ที่อยากทำงานในแวดวงสื่อมวลชน
ผมอยากจะกล่าวถึง คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มทร.พระนคร ที่เป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มเติมความรู้ ต่อเติมความฝันให้ผมในการประกอบอาชีพนักข่าวกีฬา ก้าวสู่ความสำเร็จในขั้นต่อ ๆ ไปในอนาคต ผมอยากจะฝากถึงน้อง ๆ ที่มีความใฝ่ฝันอยากทำงานในแวดวงสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ บันเทิง ข่าว ฯลฯ ที่ มทร.พระนคร เปรียบเสมือนเป็นตักศิลาทางด้านศาสตร์ของนิเทศศาสตร์ของสื่อสารมวลชนอย่างแท้จริง ที่นี่ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ล้ำค่ามากมายจากอาจารย์ “ชั้นครู” แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ความรัก และความศรัทธาในความฝันอันแน่วแน่จะนำพาเราไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าได้ ขอเพียงแค่อย่ายอมแพ้ และมีใจสู้กับมันให้ถึงที่สุด