issue56 ฉลาดเกมส์โกง ชานน สันตินธรกุล นน ชานน วิทยาลัยนานาชาติ มหิดล สัมภาษณ์พิเศษ อาชวิน

ล้วงลึก นน-ชานน กับตัวตนวัยเด็ก – การเรียนที่ฝัน และรักอันดับสุดท้าย

Home / ดาวเด่นมหาวิทยาลัย / ล้วงลึก นน-ชานน กับตัวตนวัยเด็ก – การเรียนที่ฝัน และรักอันดับสุดท้าย

หนุ่มตี๋น่ารัก ขวัญใจสาวๆ ทั้งไทยและจีนจากหนังฉลาดเกมส์โกง นน ชานน สันตินธรกุล ล่าสุดกับผลงานเรื่องใหม่ Project S The Series ตอนสุดท้าย Shoot! I Love You

ล้วงลึก นน-ชานน กับตัวตนวัยเด็ก

การเรียนที่ฝัน และรักอันดับสุดท้าย!

NON’S STYLE IN MAHIDOL

“พูดถึงเด็กฟิล์มทุกคนจะติสท์ๆ เซอร์ๆ เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว คือการแต่งตัวเราจะมีเสื้อช้อปให้ใส่กับชุดนักศึกษา เวลาใส่เสื้อช้อป ก็เลยจะมีความฟรีหน่อย เสื้อข้างในเป็นอะไรก็ได้ กางเกงอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ขาสั้นแค่นั้น ส่วนตัวผมเวลาไปเรียนก็เลยชอบใส่เสื้อช้อป เพราะรู้สึกไม่ต้องคิดเยอะ ใส่ไปง่าย สบาย ไม่ต้องซักบ่อยด้วย ปกติข้างนอกแต่งตัวก็แนวง่ายๆ เสื้อแขนยาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบก็จบ อย่างวันใส่ชุดนักศึกษาก็หิ้วเป้กับหมวกใบหนึ่ง พร็อบไม่มีเลย เพราะผมเป็นคนขี้เกียจมาก เราชอบตื่นให้สายที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตื่นมาปุ๊บ อาบน้ำ สระผม หยิบกระเป๋าตังค์ มือถือ ออกไปเรียนได้เลย”

นน ชานน สันตินธรกุล

GLASSES :

จริงๆ วันเรียนไม่ใส่แว่น จะใส่คอนแท็กมากกว่า แต่ช่วงนี้จะไปทำเลสิคเลยใส่ตลอด สายตาสั้น 600 สั้นตั้งแต่ป.2 แล้ว ตอนนั้นคิดว่าใส่แว่นแล้วมันดูเท่ดี ก็เล่นเกมด้วยแหละ (หัวเราะ) สั้นสมใจเลย

BAG :

เมื่อก่อนชอบสะพายกระเป๋าเล็กๆ อยากเท่ อยากแฟชั่น พอเริ่มเรียนไปเรื่อยๆ รู้สึกไม่สะดวกเอาซะเลย แบบโอ้โห หิ้วเยอะมาก กระเป๋าโน้ตบุ๊คใบหนึ่ง กระเป๋าเล็กๆ เท่ๆ ใบหนึ่ง ยุ่งยาก (หัวเราะ) ทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นกระเป๋าเป้ใบเดียว ใส่ทุกอย่าง หนักมากกระเป๋าผมตอนไปเรียน สะพายนี่ทำเอาเตี้ยไปเลย คือใส่หนังสือ โน้ตบุ๊ค หมวก ร่ม เสื้อหนาวบางทีขี้เกียจถือก็ยัดเข้าไป แต่ดีช่วงนี้ก็เรียนเบาลงแล้ว อาทิตย์หนึ่งไปมอก็แค่สองวัน จะมีวิชาที่นัดกับอาจารย์ แต่บางวิชาก็เรียนเองที่บ้าน

SNEAKER :

ชอบใส่ผ้าใบเรียบๆ หรือบางทีสีจะฉูดฉาดก็ได้ แต่ลายไม่เยอะ ไม่ชอบลายเยอะๆ อย่างสมมุติแดง ก็แดงให้หมด ขาวก็ขาวให้หมด

นน ชานน สันตินธรกุล

นน-ชานน สันตินธรกุล ตี๋ฮอตมาแรงที่สุดในปี 2561 ที่จะถึงนี้ กับความดังจากหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกงจนได้ไปโกอินเตอร์ถึงต่างประเทศ และความฝันในการที่จะเป็นนักแสดงฮอลลีวูดของเขาก็คงจะไม่ไกลเกินฝัน เราจะไปเปิดเผยตัวตนในวัยเด็กครั้งแรก การเรียนที่กลายเป็นฝัน จนถึงการก้าวมาเป็นนักแสดงสุดฮอต รวมถึงเรื่องความรักที่สาวๆ ห้ามพลาด!

นน ชานน สันตินธรกุล

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก “นน” เป็นเด็กแบบไหน

ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในวัยเด็ก คือ เป็นเด็กที่ไม่ชอบถ่ายรูป เรื่องแฟชั่นไม่ต้องพูดถึงเลย อย่า!! อย่าคิดจะให้แต่งแฟชั่น ขี้เกียจคิดเยอะ ไม่เข้ารูปก็ใส่ ใส่เสื้อโง่ๆ แค่ไหนก็ใส่ ขอแค่หยิบใส่พอ จบ! แล้วก็ไม่ชอบถ่ายรูปมากๆ ย้อนไปสมัยที่เล่น Hi5 ใน Hi5 ของผม จะไม่มีรูปตัวเองเลย มีแต่รูปการ์ตูน รูปสัตว์ จะออกแนวโอตาคุ เนิร์ดๆ หน่อย (ฮา) เวลาถ่ายรูปก็จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร พ่อแม่บังคับไปถ่ายรูปก็จะไม่ค่อยเต็มใจ ยืนหน้านิ่งๆ ตลอด ส่วนพี่สาวน้องสาวก็จะยิ้มๆ ผมก็จะหน้าบึ้งอยู่คนเดียว เกลียดการถ่ายรูปมาก

แล้วความฝันในการเป็นนักแสดงมาจากไหนล่ะ

ไม่เชิงว่าเป็นความฝัน เรียกว่าเป็นความบังเอิญมากกว่า ผมบังเอิญเข้ามาในวงการนี้ แล้วเราก็ทำมันได้ดีในระดับหนึ่ง ก็เลยคิดว่าไปให้สุดๆ เลยแล้วกัน ก็คือมันเป็นช่วงม.5 ตอนนั้นไปเดินเล่นที่สยาม กับเสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร (หัวเราะ) ผมใส่กางเกงสามส่วน เสื้อยืดเก่าๆ ใส่หมวก ใส่รองเท้าแตะ แล้วก็มีคนเข้ามาถามว่า น้อง! แต่งตัวมีสไตล์มากเลย (ฮา) แล้วก็ถ่ายรูปเราไปลงคอลัมน์เล็กๆ ในนิตยสาร แล้วผมก็เริ่มรู้จักคนมากขึ้น มี Connection มากขึ้น และมีโอกาสได้ไปแคสงานอื่นๆ เพิ่มเติมด้วยครับ

นน ชานน สันตินธรกุล

แล้วตอนนั้น (ม.5) มีความคิดที่อยากจะเป็นนักแสดงบ้างแล้วหรือยัง

จริงๆ ตอนแรกคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเท่ดีด้วยความที่ตอนนั้นเป็นนักเรียนอยู่ การที่เราหาเงินได้เอง หรือไปแคสงานแล้วได้รับเลือก ได้ไปออกทีวี มันเท่ ผมก็เลยอยากทำ ตอนนั้นผมคิดแค่นั้น

หลังจากที่ได้เข้ามาในวงการจริงๆ แล้ว วงการบันเทิงเป็นอย่างที่คิดไว้มั้ย

สนุกดีครับ แต่ช่วงแรกๆ รู้สึกเกร็งมาก เพราะผมไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไร ต้องสวัสดีใครบ้าง ผมก็ดูคนอื่นที่เค้าเข้ามาก่อนเรา ว่าเค้าทำตัวอย่างไร แล้วก็ทำตามเขาไป

ผลงานชิ้นแรกก็คือ งานของพี่เต๋อ-นวพล

ผมไปแคสโฆษณาตัวหนึ่งแล้วไม่ผ่าน พี่แคสติ้งโฆษณานั้นก็เลยชวนผม บอกว่ามีงานอยากให้ลองไปแคสดู เดี๋ยวจะติดต่อไป ผมก็ให้เบอร์เค้าไป แล้วพี่เค้าก็ติดต่อมา ซึ่งเป็นงานของพี่เต๋อ-นวพล ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักพี่เต๋อ เรานึกว่าพี่เต๋อ-ฉันทวิชช์ (หัวเราะ) แล้วพอดีวันที่แคส พี่เต๋อ-นวพล มาแคสผมด้วยตัวเอง ผมก็ไม่รู้ ผมนึกว่าพี่เค้าเป็นพี่ที่แคสติ้ง ผมเลยไม่ได้สนใจอะไร (ฮา) แต่ก็แอบเสียใจนิดหนึ่งที่ไม่ใช่พี่เต๋อ-ฉันทวิชช์ ที่คิดไว้  คือผมเพิ่งเข้ามาไงครับ ผมเลยไม่รู้จักผู้กำกับเลย แต่พอผลงานออกมาผมก็..พี่เต๋อ-นวพล เก่งขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ขอโทษครับ (หัวเราะ)

นน ชานน สันตินธรกุล

ความรู้สึกแรก เมื่อได้สัมผัสกับการแสดงเป็นอย่างไรบ้าง

รู้สึกสนุก แต่ก็เกร็ง งานของพี่เต๋อ เป็นงานภาพเคลื่อนไหวชิ้นแรก แต่ไม่ใช่ผลงานการแสดงชิ้นแรกของผม ถ้าผลงานการแสดงชิ้นแรกจะเป็นละครเวทีลิปซิงค์ ซึ่งนานมากแล้ว ผมก็จะเกร็งๆ เพราะต้องพะงาบๆ ปากให้มันตรงเนอะ ตอนนั้นรู้สึกว่าเราอยากจะพูด ก็ไม่ได้พูด แต่โดยรวมแล้วก็รู้สึกสนุก ที่ได้แสดงกับเพื่อนๆ ครับ

นน ชานน สันตินธรกุล

จากเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน คิดว่าการเป็นนักแสดงให้อะไรกับเราบ้าง

การเป็นนักแสดงให้อะไรกับผมเยอะมาก นอกจากจะให้ผมได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่มีทางมีโอกาสได้ทำ แล้วมันยังทำให้ผมเป็นคนที่เปิดมากขึ้น ทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อน แฟนคลับ เพราะเมื่อก่อนผมเป็นคนที่ขี้รำคาญมาก อย่างเช่น พ่อแม่ของผม เค้าเตือนเรานิดหน่อย เราก็นึกว่าเค้าบ่นเรา แล้วผมชอบโกหกพ่อแม่ประจำ เพราะคิดว่า พ่อแม่ต้องไม่ชอบทุกๆ อย่างที่เราทำ

นน ชานน สันตินธรกุล

อย่างเมื่อก่อนผมชอบหนีไปเล่นเกม ที่ร้านเกม แม่ก็จะโทรตาม ผมก็จะบอกว่าอยู่โรงเรียน ทำงานกลุ่ม พอแม่มารับที่หน้าโรงเรียนแล้วบอกให้เราลงมาเลย แต่เราเล่นเกมอยู่แล้วเวลาเหลือตั้ง 30 นาที เราก็จะบอกแม่ว่า งานยังไม่เสร็จเลย เยอะกว่าที่คิด ก็โกหกไป แล้วพอโกหกเรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็จะตามมา แต่อาชีพนี้มันทำให้ผมเปิดมากขึ้น กล้าคุยกับพ่อแม่มากขึ้น มันส่งผลบางอย่าง ทำให้เราไม่อยากโกหก อยากให้เราซื่อตรง เปิดใจคุยกับเค้ามากขึ้น ทำให้ตอนนี้เวลามีปัญหาอะไร เราคุยกับพ่อแม่ได้ง่ายมากๆ

เทคนิคการแสดงในแบบชานน

สำหรับผมต้องอ่านบทเยอะๆ ครับ ต้องรู้ให้ได้ว่าความต้องการของตัวละครในซีนนั้นๆ คืออะไร แล้วก็ทำการบ้าน อยู่กับมันเยอะๆ ยกตัวอย่างเทคนิควิธีหนึ่ง ชื่อว่า Method Acting คือการที่เราลองไปทำกิจกรรมที่ตัวละครทำในเรื่องนั้นๆ ทำแล้วมันจะทำให้เราซึมซับและสัมผัสตัวละครนั้นได้ เช่น ถ้าเป็นนักกีฬายิงธนู เราก็ต้องไปยิงธนูจริงๆ หรือตัวละครแบงค์ ในหนังเรื่องฉลาดเกมส์โกง ซึ่งมันเป็นความบังเอิญ ที่บทแบงค์เป็นคนเนิร์ด แล้วสิ่งที่ผมทำตอนนั้นคือ จดบททุกบทของเรื่อง สมมติมี 57 บท ผมก็จดและท่องมันทุกวัน การทำแบบนี้ นอกจากมันจะทำให้จำบทได้แล้ว มันยังบังเอิญไปตรงกับความเนิร์ดของแบงค์ด้วย มันก็เลยทำให้ผมเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น

นน ชานน สันตินธรกุล

พูดถึงผลงานล่าสุดหน่อยดีกว่า ซีรีส์เรื่อง “Shoot I love You ปิ้ว! ยิงปิ๊งเธอ” เป็นซีรีส์แนวไหน การแสดงยากมั้ย

เป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ครับ เหมือนเป็นของหวานส่งท้ายปี เพราะผมแสดงดราม่ามาเยอะแล้ว ขอตลก ขำๆ ฮาๆ บ้างแล้วกัน สำหรับเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าทุกๆ บทที่ได้รับมาใหม่ มันยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราไม่ใหม่สำหรับคนดูแล้ว หน้าตาเราก็เดิมๆ ไม่ได้เปลี่ยนอะไรขนาดนั้น คนดูก็จะเริ่มจับทางการแสดงของเราได้แล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้มันใหม่สำหรับคนดูให้ได้ นี่เป็นส่วนที่ยากมาก

ซึ่งในเรื่องก็รับบท “อาชวิน” มีส่วนหนึ่งของอาชวินที่ไม่คล้ายกับเราเลย แต่ส่วนอื่นเล็กๆ น้อยๆ จะคล้ายกับเรามาก ซึ่งเมื่อมันไม่ได้แตกต่างกับเราโดยสิ้นเชิง ผมจะจับคาแรคเตอร์ไม่ค่อยได้ บางอย่างที่เราทำ ถ้าเกิดเผลอทำผิดแม้แต่นิดเดียวก็จะกลายเป็นเราเลย แต่ถ้าทำถูกก็จะกลายเป็นตัวละครอาชวินไป ยังไงก็ขอฝากซีรีส์เรื่องนี้ด้วยนะครับ เป็นซีรีส์พาร์ทสุดท้ายของ Project S The Series ผมมั่นใจว่าเป็นพาร์ทที่ดูง่ายที่สุดในบรรดา 4 เรื่องแน่นอน อยากจะให้ติดตามกันเยอะๆ นะครับ เพราะเป็นโปรเจคสุดท้าย สำหรับปีนี้ของผมด้วยครับ

ตอนนี้เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ทั้งในไทยและต่างประเทศ เรามีการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ยังไงบ้าง

รับมันให้หมดครับ (หัวเราะ) มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้เยอะที่สุดครับ เพราะผมเชื่อว่า ทุกๆ สิ่งที่เราทำ ทุกๆ อย่างที่เรามีโอกาสได้ไปสัมผัส มันจะส่งเสริมบางอย่างกับเรา ให้เราสามารถต่อยอดไปในอนาคตได้ แฟนคลับที่ไทยกับประเทศอื่นๆ ก็ไม่ต่างกันเลย ทุกคนน่ารักมาก ต่างกันแค่เรื่องภาษา ถ้าไปต่างประเทศผมก็จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง (หัวเราะ) ตัวผมเองก็กำลังฝึกเรื่องภาษาอยู่ครับ

นน ชานน สันตินธรกุล

ถ้าตอนนี้ “นน” ไม่ได้เป็นนักแสดง คิดว่าเราจะไปทำอะไร

ไม่ได้คิดเลยครับ คิดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ผมรู้สึกว่าถ้าคิดว่า ตอนนี้ไม่ได้เป็นนักแสดงแล้วจะทำอะไร มันเหมือนเป็นแผนสำรองที่ต้องคิดไว้ ผมมุ่งมั่นจะทำสิ่งนี้ ผมเลยไม่มีแผนสำรอง

แล้วเรื่องการเรียนล่ะ มีแผนต่อยอดอะไรบ้างมั้ย

ตอนนี้ผมมองไว้ 2 ทาง คือ ไปเรียนต่อที่ประเทศอเมริกาหรือประเทศจีน เพราะต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์หรือสื่อในจีน ใหญ่แทบจะที่สุดในโลกแล้ว ก็ถ้าเกิดเราไปทางจีนได้ก็ไป คือแผนเรียน 2 ทางครับ แต่มีเป้าหมายเดียวกัน

ตอนนี้ตารางงานเยอะมาก การเรียนก็ใกล้จบแล้ว ปกติแบ่งเวลาอย่างไรบ้าง

ตอนนี้เรียนปี 4 วิทยาลัยนานาชาติ สาขาวิชาการผลิตภาพยนตร์ มหิดล เรื่องแบ่งเวลา เราก็ต้องคุยกับทางสังกัดว่าเทอมนี้ เราลงวิชานี้ วันเวลานี้ วิชาที่เรียนก็จะมีโควต้าที่สามารถโดดได้ ทางมหาวิทยาลัยเค้าให้ความเท่าเทียมกัน ผมไม่มีสิทธิพิเศษอะไรอยู่แล้ว วิชาหนึ่งถ้าโดดเกิน 4 ครั้ง ก็จะติด F ผมก็ต้องมาจัดการว่า ครั้งนี้ผมโดดได้มั้ย โดดไปกี่ครั้งแล้ว ถ้าเกินก็โดดไม่ได้แล้ว ห้ามรับงานแล้วสำหรับวันที่ลงเรียนวันนี้

อย่างตอนนี้อีกเทอมหนึ่งก็จะจบแล้ว เทอมที่ผ่านมาลงวิชาเยอะไปหน่อย แล้วก็เจอวิชา World History ต้องท่องจำเยอะ เกิดมาไม่เคยท่องหนังสือเยอะขนาดนี้ เกือบเอาตัวไม่รอด แต่ก็ผ่านมาได้ ตอนนี้ก็เหลือแต่ทำธีสิส เรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มความสูงของตัวเอง ตอนนี้กำลังอยากเพิ่มความสูงอยู่แล้ว เลยเลือกเรื่องนี้มาทำธีสิสซะเลย เกรดจบ ก็คิดว่าออกมาน่าจะสามนิดๆ อยากได้เกียรตินิยมอันดับสอง แต่ก็ไม่รู้จะถึงหรือเปล่านะ

นน ชานน สันตินธรกุล

ถ้าให้แบ่งอันดับความสำคัญ เรื่องครอบครัว งาน การเรียน ความรัก เราแบ่งลำดับอย่างไรในชีวิตตัวเองตอนนี้

จริงๆ ตอนนี้เรื่องงานมาเป็นอันดับ 1 ครับ ช่วงแรกๆ ถ้ามีงานวันที่เรียน ผมโดดเลย แต่เมื่อโควต้าโดดเรียนหมดแล้ว การเรียนจะขึ้นมาอยู่ในอันดับ 1 ทันทีครับ (หัวเราะ) ครอบครัวอันดับ 3 ความรักอันดับสุดท้ายครับ

ความรักเป็นอันดับสุดท้ายเลยนะ

ผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้โชคดีเหมือนหลายๆ คน ที่เจอคนที่อยากอยู่ด้วยก่อนเข้าวงการ สามารถปรับตัวปรับสภาพได้ ผมเลยคิดว่า ถ้าผมเริ่มมีความสัมพันธ์ตอนนี้ มันจะทำให้ระบบการงานของเราทุกอย่างเจ๊ง อันนี้คือความเชื่อส่วนตัวนะครับ คือเมื่อเรามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง เราก็ต้องให้เวลากับเค้าด้วย เช่น ไปกินข้าวด้วยกัน มีเวลาให้ ก่อนหน้านี้ผมก็มีคนคุยบ้างครับ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้มันไม่ลงล็อคหรือว่าไม่ใช่ ก็เลยจากกันด้วยดีดีกว่า

นน ชานน สันตินธรกุล

สิ่งที่ “นน” กลัวที่สุดในชีวิตคืออะไร

การที่ครอบครัวผมไม่อยู่แล้ว เพราะผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากที่ได้เกิดในครอบครัวนี้ ทุกคนสนับสนุนผมมากๆ ตอนนี้ผมมีความสุขกับครอบครัวของผม แต่ถ้าถามว่ายังทะเลาะกันอยู่มั้ย ก็ยังทะเลาะกันอยู่นะครับ (หัวเราะ) ครอบครัวผมเป็นประเภทที่ ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะบอกเลย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันบ่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วด้วยความเป็นครอบครัว พอมานั่งกินข้าวด้วยกัน ได้คุยกัน ก็จะกลับมาปกติเหมือนเดิมครับ

 

ติดตามบทสัมภาษณ์ของนนกุลในคอลัมน์ Boy Style นิตยสาร Campus Star No.56

www.facebook.com/campusstar

บทความแนะนำ สัมภาษณ์โดยแคมปัสสตาร์