ทำอย่างไรดี อยากเรียนเก่ง อยากได้เกรด 4 อยากเข้าใจในบทเรียน และนำมาใช้ประยุกต์ใช้ในการเรียนกับวิชาอื่น ๆ ได้ ซึ่งก็แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือ ตัวเราเอง ที่จะต้องมีระเบียบวินัย มีความขยัน ตั้งใจเรียน และทบทวนในเนื้อหาที่ได้เรียนไปทุกครั้ง อาจจะจดเป็นสรุปสั้น ๆ หรือไม่ก็วาดออกมาเป็นภาพ ก็จะช่วยทำให้เราเข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น และนี่คือ 5 วิธีที่จะทำให้น้อง ๆ มีผลการเรียนที่ดีขึ้น เกรดพุ่งทุกวิชา
อ่านหนังสือช่วงไหนดีที่สุด…
1. แปลงข้อความให้เป็นภาพ อ่านง่ายขึ้น
สมองของคนเราสามารถจดจำภาพได้ดีกว่าข้อความ ดังนั้น วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยทำให้เราอ่านหนังสือได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นก็คือ การแปลงข้อความต่าง ๆ ให้เป็นภาพ ซึ่งจะช่วยทำให้เราเข้าใจและจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เราอาจจะแปลงเป็นแผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม และแผนที่ความคิด ก็ได้ หรืออาจจะเปลี่ยนวิธีการจดแลคเชอร์ที่มีแต่ตัวอักษรอย่างเดียวให้มีภาพประกอบด้วยก็ช่วยทำให้เราเข้าใจได้ดีเหมือนกัน
2. จับความรู้มาเชื่อมโยงกัน (เก่า+ใหม่)
สำหรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ให้เราพยายามเชื่อมโยงข้อมูลที่ได้มาใหม่เข้ากับความรู้พื้นฐานที่มีอยู่แล้ว จะช่วยทำให้เข้าใจข้อมูลใหม่ ๆ ที่เราได้เรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น เช่น การเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำว่า sue ที่แปลว่า ฟ้องร้อง ซึ่งจะมีการออกเสียงคล้าย ๆ กับคำว่า สู้ ในภาษาไทย เราก็สามารถนำคำมาเชื่อมโยงได้ว่า sue คือการสู้กันในศาล เท่ากับคำว่า ฟ้องร้อง เป็นต้น (แบบนี้ก็จะช่วยทำให้เราจดจำได้ดียิ่งขึ้น)
3. ติวให้เพื่อน ๆ
การติวให้กับเพื่อน ๆ นอกจากจะเป็นการทบทวนความรู้ให้กับตนเองไปในตัวแล้ว ยังช่วยทำให้สมองของเราได้มีการพัฒนา ปรับปรุง ในสิ่งที่เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันด้วย ทำให้มีการจัดวางระเบียบความรู้ได้ดียิ่งขึ้น เข้าใจสิ่งที่เรียนมากขึ้น และเกิดเป็นความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ
4. ตั้งใจเรียน ไม่นั่งจดอย่างเดียว
น้อง ๆ บางคนเวลาเรียนในห้องมักจะชอบก้มหน้าก้มตาจดตามสไลด์ที่อาจารย์สอนอย่างเดียว เพราะกลัวจะจดไม่ทัน โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าในขณะที่เรากำลังก้มหน้าจดอยู่นั้น เราได้ฟังอาจารย์อธิบายหรือเปล่า เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนหรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่ได้บอกนะว่าการจดเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เพียงแค่อย่าลืมว่าเราจะต้องมีสมาธิในการฟังและคิดวิเคราะห์ตามที่อาจารย์กำลังสอนตามไปด้วย เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาของบทเรียนมากขึ้น และจะได้รู้ว่าตรงไหนที่อาจารย์เน้น หรือจะออกสอบ เพราะถ้าเราไม่ตั้งใจฟังอาจจะพลาดในสิ่งที่สำคัญไปได้
5. ฝึกจับประเด็นให้เป็น
การจับประเด็นไม่ใช่แค่การย่อความหรือสรุปความ แต่เป็นการคิดเคราะห์ให้เกิดความแตกฉานว่าอะไรคือหัวใจหลักในการเรียนรู้ในเรื่องนั้น ๆ หรือหัวใจหลักที่อาจารย์ต้องการจะสอน ดังนั้นเวลาที่อ่านหนังสือจบบทแล้วก็อย่าลืมตั้งคำถามกับตัวเองด้วยว่า เรื่องที่ได้อ่านไปนั้นมีประเด็นสำคัญอยู่ตรงไหน หรือต้องการสื่อถึงเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
เวลาที่เหมาะสมในการอ่านหนังสือ
1. เวลากลางคืน
เวลาอ่านหนังสือในตอนกลางคืน คือ 20.00 น. – 23.00 น. และเวลาที่เราควรจะเข้านอนก็คือ 23.00 น. ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบจะช่วยทำให้เรามีจิตใจที่สงบ มีสมาธิ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการความเงียบสงบ เวลาในตอนกลางคืนจึงเหมาะสมที่สุดในการอ่านหนังสือ
โดยให้เริ่มอ่านหนังสือจากวิชาที่เราถนัดเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดในการอ่านวิชาต่อไป นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะใช้เสียงดนตรีเข้ามาช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายเวลาอ่านหนังสือได้อีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืม!! ปิดโทรศัพท์มือถือกันด้วยนะ (กันการรบกวนและทำให้เสียสมาธิในการอ่าน)
2. ตอนเช้า
เวลาในการอ่านหนังสือในตอนเช้า คือ 03.00 น.- 06.00 น. ส่วนเวลานอนที่ดีก็คือ เวลา 20.00 น. การอ่านหนังสือในเวลานี้จะทำให้สมองของเรามีประสิทธิภาพในการอ่านมากขึ้น เพราะได้รับการพักผ่อนก่อนอ่านหนังสือมาแล้ว เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการกระตุ้นความจำจากการอ่านหนังสือในตอนเช้า
โดยให้เราตั้งนาฬิกาปลุกแบ่งออกเป็นช่วง ๆ เพื่อกันไม่ให้เผลอหลับระหว่างการอ่านหนังสือ หรือถ้ารู้สึกง่วงก็ให้ยืดเส้นยืดสาย เพื่อเป็นการกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกตื่น หรือจะลุกไปล้างหน้า ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นได้เหมือนกัน
อ้างอิงจาก : www.hotcourses.in.th
Written by : Toey