#dek62 ต้องรู้ 3 ระบบ IT ที่ใช้สมัคร TCAS62 - รายละเอียดการลงทะเบียน Mytcas.com

หลังจาก ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้ประกาศรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาผ่านระบบ TCAS ประจำปีการศึกษา 2562 ออกมาแล้วนั้น ในปีการศึกษานี้ ทปอ. ยังได้มีการเปิดตัวเว็บไซต์ Mytcas.com ศูนย์รวมข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ TCAS62 เว็บเดียวจบ ครบทุกฟังก์ชั่น ที่จะช่วยทำให้น้อง ๆ ไม่พลาดข่าวสารการรับสมัครในแต่ละรอบอย่างแน่นอน

ทปอ. เปิดลงทะเบียน TCAS62 วันที่ 1 ธ.ค. 61 เป็นต้นไป

และนอกจากนี้ยังได้มีการเปิดตัวอีก 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ AI หรือมีชื่อเรียกภาษาไทยว่า ระบบสแกนอนาคต ที่จะเข้ามาช่วยประเมินความเหมาะสมของการเลือกคณะ/สาขาวิชาสำหรับน้อง ๆ ทุกคน และระบบค้นหาข้อมูลการรับสมัคร TREQ ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยให้น้อง ๆ สามารถค้นหาข้อมูลการสมัครของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่รับสมัครผ่านระบบ TCAS ได้ง่ายขึ้น อีกด้วย

สำหรับ การสมัครสอบในระบบ TCAS62 นี้ น้อง ๆ ทุกคนจะต้องทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Mytcas.com ด้วย แต่ก็เชื่อได้เลยว่าจะต้องมีน้อง ๆ บางคนที่กำลังงงหรือสงสัยเกี่ยวกับระบบทลงทะเบียนนี้กันอยู่แน่นอนว่ามีความสำคัญอย่างไร ทำไมจะต้องลงทะเบียนในการสมัครด้วย และถ้าไม่ลงทะเบียนจะมีผลอย่างไรกับการสมัครสอบ TCAS62 หรือไม่ ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้มาฝากน้อง ๆ ทุกคนด้วย ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย…

1. เว็บไซต์ Mytcas.com

ใครบ้างที่จะต้องลงทะเบียน?

น้อง ๆ ที่จะสมัครสอบผ่านระบบ TCAS62 ต้องทำการลงทะเบียนทุกคน (ไม่เว้นแต่น้อง ๆ ที่อยู่ในรอบรับตรงแบบโควตาและเด็กซิ่วก็ต้องลงทะเบียนด้วย) โดยน้อง ๆ จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Mytcas.com ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป

** ทั้งนี้การลงทะเบียนสมัครสอบผ่านระบบ TCAS62 น้อง ๆ จะต้องตรวจสอบกำหนดการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยด้วยนะจ๊ะ

ทำไมต้องลงทะเบียนการสมัคร TCAS62

ลงทะเบียนเพื่อรับ รหัสผู้ใช้งาน/รหัสผ่าน สำหรับนำมาดำเนินการต่าง ๆ ในระบบ TCAS62 นั่นเอง โดยที่น้อง ๆ จะต้องใช้ รหัสผู้ใช้งาน/รหัสผ่าน ในการยืนยันสิทธิ์-สละสิทธิ์ และใช้ในการสมัครรอบที่ 3 – 4 หากน้อง ๆ คนไหนที่ไม่ได้ลงทะเบียนก็จะไม่มีรหัสผู้ใช้งาน/รหัสผ่าน ในการเข้าระบบเพื่อยืนยันสิทธิ์-สละสิทธิ์ ในระบบ TCAS62 และยังทำให้น้อง ๆ พลาดข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่สำคัญ อีกด้วย

นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการบริหารสิทธิ์ของผู้สมัครที่มี 1 คน 1 สิทธิ์เท่านั้น ใช้เป็นฐานข้อมูลในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ไม่ต้องกรอกรายละเอียดหลายรอบ ไม่ต้องทำการอัปโหลดเอกสารเพราะทาง ทปอ. ได้มีการเชื่อมข้อมูลกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อขอข้อมูลมาใช้ในระบบ ทำให้ข้อมูลตรงกันทั้งของผู้สมัคร ทปอ. สทศ. และมหาวิทยาลัย ไม่เกิดความซับซ้อนของข้อมูลและการสมัครสอบ

ระบบลงทะเบียน สร้างบัญชีผู้ใช้งาน

น้อง ๆ ที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อนจะต้องทำการ สร้างบัญชีผู้ใช้งาน โดยประกอบด้วย…

1. รหัสผู้ใช้งาน (Username) ใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

2. รหัสผ่าน (Password) ต้องกำหนดความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร (ไม่เกิน 20 ตัวอักษร) และมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่าง ได้แก่

ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่ อย่างน้อย 1 ตัว
ตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก อย่างน้อย 1 ตัว
ตัวเลขอารบิก (0-9) อย่างน้อย 1 ตัว
ตัวอักษรพิเศษ อย่างน้อย 1 ตัว (@ # & _ -)

ข้อมูลที่ใช้ในการลงทะเบียนของผู้สมัคร

น้อง ๆ จะต้องทำการกรอกข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในการลงทะเบียน ประกอบด้วยข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้

ชื่อ-นาสกุล
เลขบัตรประชาชน
วัน/เดือน/ปีเกิด
ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้
เบอร์โทรศัพท์
Email
ข้อมูลของบิดา-มารดา
ข้อมูลโรงเรียน (ชื่อโรงเรียนและคุณครู/อาจารย์ ที่สามารถติดต่อได้)
สามารถแนบไฟล์ได้ หากน้อง ๆ มีการสอบเทียบอื่น ๆ ด้วย

** หากน้อง ๆ พบว่าข้อมูลของตนเองไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้รีบแจ้งกับทางโรงเรียน เพื่อดำเนินการอัปเดตข้อมูลที่ถูกต้องอีกครั้งกับทาง ทปอ. ต่อไป หรือเด็กซิ่วที่ต้องการสมัครสอบใหม่อีกครั้งในปีการศึกษานี้ คะแนน GPAX ที่ได้รับการตรวจสอบจากระบบของ ทปอ. ไม่ตรงกับใบ ปพ.1 ให้น้อง ๆ ทำการอัปโหลดใบ ปพ.1 เข้าสู่ระบบได้เลย แล้วทาง ทปอ. จะยึดเอาคะแนน GPAX ตามใบปพ.1 ที่น้อง ๆ ทำการอัปโหลดใหม่

ขั้นตอนการลงทะเบียน + เข้าใช้งานระบบ

เมื่อน้อง ๆ กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะได้รับ รหัสผู้ใช้งาน/รหัสผ่าน โดยที่จะต้องเข้าไปยืนยันตนใน Email ที่ได้กรอกเอาไว้ โดยจะใช้รหัส 6 ตัวในการยืนยัน (จะได้เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น) เมื่อน้อง ๆ ทำการยืนยันเสร็จแล้ว น้อง ๆ จะต้องกลับไปตั้งรหัสผ่าน (Password) ใหม่อีกครั้ง

หลังจากที่ตั้งรหัสผ่านแล้วจะมีระบบถามเราว่าเป็น Robot หรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันด้านความปลอดภัย เมื่อเราทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้อง ๆ สามารถใช้รหัสผู้ใช้งานที่เป็นเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และรหัสผ่านที่เราตั้งเองในการ login เข้าสู่ระบบได้เลย (ใช้ได้ทั้งรอบ 5 ในการสมัคร TCAS62 เลยนะจ๊ะ)

หากน้อง ๆ login เข้าไปแล้วพบว่าข้อมูลที่ระบบดึงมานั้นไม่ถูกต้อง ให้น้อง ๆ กดปุ่มที่ให้เราแจ้งว่าข้อมูลไม่ถูกต้องเลย และจะมีการแจ้งไปยังทางโรงเรียนว่าคะแนนที่ส่งให้กับทาง สพฐ. ไม่ตรงกัน

อีกหนึ่งระบบที่มีความสำคัญมากก็คือ การยืนยันสิทธิ์-สละสิทธิ์ โดยจะมีการยืนยันรหัสผ่านได้ 2 ทาง คือ Email และ OTP ผ่านเบอร์โทรศัพท์มือถือเป็นข้อความ เช่น น้อง ๆ เลือกไปแล้ว 1 คณะที่ต้องการ แต้เกิดการเปลี่ยนใจก็สามารถกลับมายืนยันสิทธิ์ใหม่ครั้งที่ 2 ตามระยะเวลาในการยืนยันสิทธิ์ โดยน้อง ๆ จะมีโควตาในการยืนยันสิทธิ์ได้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น ฯลฯ แต่ถ้าเป็นการกดสละสิทธิ์จะทำได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ถ้าน้อง ๆ กดไปแล้วจะต้องรอสมัครใหม่ในรอบถัดไป

2. ระบบ AI หรือ ระบบสแกนอนาคต

เป็นระบบที่จะเข้ามาช่วยประเมินความเหมาะสมให้กับน้อง ๆ ของการเลือกคณะ/สาขาที่ต้องการ โดยน้อง ๆ จะต้องเลือกว่าอยากเข้าเรียนในคณะ/สาขาไหน และทำการตอบคำถามที่ระบบได้กำหนดมาให้ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความเหมาะสมว่าน้อง ๆ เหมาะกับคณะ/สาขาที่เลือกหรือไม่ และระบบนี้ยังสามารถใช้งานผ่านบัญชีผู้ใช้งาน Facebook หรือ Google Plus ได้ด้วย (สะดวกสุด ๆ ไปเลย)

3. ระบบค้นหาข้อมูลการรับสมัคร TREQ

เป็นระบบค้นหาข้อมูลการรับสมัครของสถาบัน/มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมระบบ TCAS ประจำปีการศึกษา 2562 ที่ครอบคลุมทุกมหาวิทยาลัย โดยจะบอกเลยว่าคณะ/สาขานั้น ๆ รับจำนวนกี่คน ใช้คะแนนอะไรบ้าง เพื่อช่วยให้น้อง ๆ สามารถตัดสินใจในการสมัครสอบ GAT/PAT และ 9 วิชาสามามัญ ให้ถูกต้องตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ (เรียกได้ว่าเป็นระบบที่มีการอัปเดตอยู่ตลอกเวลา ทำให้เราไม่ต้องกลัวพลาดข้อมูลข่าวสารในการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยเลย)

ดาวน์โหลด คู่มือระบบ TCAS ประจำปี 2562 : http://mytcas.com